ภูเก็ตเดี้ยง ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว หนี้เสียยกเกาะ จ่ายหนี้ ธนาคารไม่ไหวแล้ว ???
ครับ เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้มีโอกาสบินลงไปภูเก็ต เพื่อขอเข้าพบ นักธุรกิจ จะเรียกได้ว่าขาใหญ่ของภูเก็ตก็ได้นะครับ แต่ละท่านก็มีกิจการใหญ่โตกันทั้งนั้น ผมได้มีโอกาสเข้าพบ แนะนำตัว แนะนำบริษัท และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมอง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และด้านการเงิน กับผู้ประกอบการรายใหญ่ สุดท้ายนะครับ ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป หลังจากที่ได้คุยกับท่านเหล่านั้น เพราะมันอาจจะไม่ใช่แบบที่เป็นข่าว

คนแรกที่เราได้มีโอกาสเข้าพบ เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง อายุยังไม่เยอะเลยครับ แต่ว่าผมไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครแล้วกัน แต่ว่ามีตำแหน่ง แห่งหนในสมาคมโรงแรม และก็เป็นเจ้าของกิจการโรงแรม ตระกูลเก่าแก่ของภูเก็ต จะเรียกว่าเป็น landlord ระดับใหญ่ของภูเก็ต ก็ว่าได้ มุมมองที่ได้รับนะครับ ธุรกิจโรงแรมภูเก็ต อาจจะเรียกได้ว่า แย่สุดๆในรอบตั้งแต่เปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยจากปัจจุบันจนถึงช่วงประมาณต้นปีหน้า ซึ่งมันเลยช่วง High season และช่วง Peak season ไปแล้ว เชื่อไหมครับว่าประมาณการอัตราการเข้าพักหรือเรียกว่า occupancy rate แค่ 10% เท่านั้น และส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยเท่านั้น บอกเลยครับว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวของคนไทย สร้างรายได้แบบไม่สามารถหล่อเลี้ยงคนในจังหวัดภูเก็ตได้

หลายคนคือคนไทย มักจะมีเสียงบ่นมาดังๆว่า โรงแรม หรือธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่ภูเก็ตไม่ค่อยสนใจหรือแคร์คนไทยสักเท่าไหร่ เรียกง่ายๆ ว่าไม่เห็นหัวคนไทยนะครับ แต่มักจะบ่นว่า ทีตอนนี้ลำบาก ฝรั่งไม่เที่ยว สนใจคนไทยขึ้นมาทันที เอาเป็นว่าประเด็นนี้ก็ถ่ายทอดให้ฟังแล้วกันครับ แต่ผมไม่เสริมแต่งอะไรทั้งสิ้น

นั่งสนทนากันอยู่ ใช้เวลาพอสมควร สรุปให้ฟังนะครับว่า โรงแรมที่เป็นคนของคนภูเก็ตดั้งเดิม ถามว่ากระทบไหม คำตอบแน่นอนครับ กระทบแน่นอน แต่ก็ยังอยู่ได้ เพราะกู้เงินไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะมีเงินกู้ค่อนข้างน้อย
แต่โรงแรมขนาดกลางหรือขนาดเล็ก อันนี้กระทบเต็มๆ ใครที่มีเงินกู้เยอะๆไม่รอดแน่นอน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อันนี้เรียกว่าตาย ไม่ฟื้นครับ กระทบกันไปจนถึง แรงงานภาคการท่องเที่ยวทั้งจังหวัดภูเก็ต หดหู่ครับ แต่สรุปสุดท้ายก็คือ โรงแรมใหญ่ๆ ที่ใช้เงินกู้ไม่เยอะ ยังอยู่ได้
ช่วงปิดเกาะ ก็ปล่อยพนักงานกลับบ้าน เบิกเงินประกันสังคมเอา พอเปิดเกาะ ก็เรียกตัวกลับมาทำงาน แต่ว่าใช้คนไม่เยอะเพราะอัตราการเข้าพักแค่ 10% เรียกตัวกลับมาแค่พอใช้งาน เงินกู้ธนาคาร ก็ใช้เงินสะสมที่มีอยู่ ทยอยจ่ายหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ เจรจากันไป ก็ยังพออยู่ได้
ในระหว่างที่ผมคุยด้วยนะครับ จับความรู้สึกได้เลยว่าผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่ในภูเก็ตจริงๆ ก็ยังคงนิ่งสงบ เหมือนมีความรู้สึกว่าเขาก็คิดเพียงแค่ว่า มันเป็นแค่ช่วงเวลาเลวร้ายเท่านั้น สุดท้ายมันก็จะจบไป แล้วภูเก็ตก็จะกลับมาเหมือนเดิม คือมีความหวังนั่นละครับ

จากการที่ผม ขับรถสำรวจรอบเกาะภูเก็ต เงียบสงบ ป่าตอง ย่านเลียบหาดทั้งหลาย เหมือนเป็นเมืองร้าง เห็นแล้วขนลุกครับ คือภูเก็ตฟื้นนะครับผมว่าฟื้นแน่ แต่ว่ากว่าจะฟื้นคงใช้เวลานาน ใครที่ดำน้ำอึดกว่าคนนั้นชนะ ใครที่ทนไม่ไหวก็จมน้ำตาย ผมเปรียบให้เพื่อนๆเห็นภาพนะครับ เหมือนคนที่ตายแล้วฟื้นนะครับ ถ้าตายไปแล้วหัวใจหยุดเต้นแค่ 2-3 ชั่วโมง แล้วฟื้น แบบนี้เราก็เคยเห็นกันบ่อยๆ แต่หากคนตายกันข้ามวัน 3-4 วัน 4-5 วัน แล้วฟื้น ผมว่าสภาพร่างกายมันจะเน่าเปื่อยไปก่อน ฟื้นขึ้นมา วิญญาณคงไม่นอมกลับเข้าร่าง เพราะร่างกายมันเน่าเปื่อยไปแล้ว หวังว่าภูเก็ตคงจะฟื้นได้เร็วนะครับ แล้วผมก็คิดว่าอย่างนั้น

ผมมองเห็นโอกาสใหม่ๆ สำหรับคนที่จะทำธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต เพราะมันอาจจะเรียกได้ว่าล้างไพ่กันใหม่เลยก็ว่าได้ นี่แหละครับเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับคนไหนที่อยากทำธุรกิจที่ภูเก็ต หลังวิกฤตครั้งนี้ล่ะครับ ผมว่าเริ่มได้เลยสำหรับผู้ประกอบการ SME ทั้งหลาย

ก่อนกลับ ได้มีโอกาสได้ไปดื่ม และทานข้าวเย็นกับ FC phuket พี่ที่ผมเคารพ ซึ่งเราก็เพิ่งรู้จักกัน แต่รู้สึกว่าคุยกันถูกคอ พี่เค้าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขายให้กับชาวต่างประเทศเท่านั้น วันที่เรานัดทานข้าวกัน พี่เขาเพิ่งลงเสาเอกโครงการใหม่อีกโครงการหนึ่งที่เปิดตัว ดูเขาก็ยังเฉยๆนะครับ จากที่พูดคุยกัน เหมือนประมาณว่า จากข่าวที่ออก ภูเก็ตแย่แล้ว ขายโรงแรมทิ้งยกเกาะ

คนภูเก็ตฟังแล้วก็ขำนะ จะเรียกว่าแกล้งเจ็บ แกล้งจน เพื่อเป็นเงื่อนไขในการเจรจาหนี้หรือเปล่า อันนี้ ผมไม่รู้ ????
ติดตามคลิปดีๆ ในแวดวงการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ได้ที่ YouTube
และติดตามผมต่อได้ที่ facebook/AntonioAttorney
สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว คลิกเลยครับ
ติดต่อ ผมที่ email : antonioattorney@gmail.com หรือ LineID : @antonioattorney
