การลงทุนหุ้นแบบ Dollar Cost Average กลยุทธ์ที่ผมเพิ่งบรรลุ เมื่อขาดทุนไปจนเกือบหมดตัว

3207895_m1363253035.jpg

เริ่มต้นชื่อบทความ ก็คงจะเดาออกได้ว่า ผมเกือบเคยหมดตัว เพราะตลาดหุ้น ผมวนเวียน เข้าออกในตลาดหุ้นอยู่ประมาณ 3 รอบ ครั้งแรกสุด ผมเริ่มเล่นหุ้น ตั้งแต่อยู่ มหาวิทยาลัย ปี 3 ผมขอเงินพ่อผมไปเปิดพอร์ทเล่นหุ้น กับ บริษัท หลักทรัพย์ วอลล์สตรีท จำกัด ที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ ถนนสุริวงศ์ แถวๆ สีลมอะครับ ผมเข้าตลาดหุ้น ด้วยความรู้อัด แน่นไฟแรง การคำนวณ Ratio ต่างๆ ผมรู้หมด เข้าห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดูงบการเงิน ของแต่ละบริษัท เรียกได้ว่า บ้าหุ้นมาก ตอนนั้น หุ้นในตลาด น่าจะมีไม่ถึง 500 ตัวได้นะ ผมรู้จักทุกตัว

ในช่วงเวลาที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย มีอาชีพอาชีพหนึ่งที่ ผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นมากคือ อาชีพ วาณิชธนกิจ หรือ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Investment Banking ผมมี IDOL ในดวงใจผมอยู่ ตอนนั้น โคตรเท่ห์ ใครรู้ป่าวครับ เขาเป็น น่าจะเหมือน CEO ของ บล. เจเอฟ ธนาคม คุณกรณ์ จาติกวณิช ตอนนั้น ยังไม่ได้เล่นการเมืองครับ ที่ผมพูดนี้ ประมาณปี 2538 นะ แก่ป่าวละ เล่นหุ้นตั้งแต่สมัยใช้โทรสั่งซื้อสั่งขายกันนะครับ ลำบากฉิบหายเลย ช่วงหุ้นขึ้นหนัก ก็โทรหามาร์เกตติ้งไม่ได้ สายไม่ว่าง ช่วงหุ้นลงหนัก ก็โทรสั่งขายไม่ทัน เป็นอะไรที่ทุเรศมาก

ผมรู้หมด แกะงบ บริษัท ที่ผมสนใจมาวิเคราะห์ และพิจารณา เรียกได้กว่า เล่นหุ้นแบบ VI ( Value Investment ) ซื้อแล้วถือยาวโว้ย กูเก่ง กูวิเคราะห์งบมาดี อ่านขาดแล้ว…….สมัยก่อน ผมจะชอบไปนั่งห้องค้า จะเจออาแปะ อาอึ้ม มานั่งในห้องค้า มานั่งหลับ นั่งคุยกัน ผมเป็นเด็ก ก็แอบตลก คนแก่เหล่านี้ไม่ได้ ว่า มั่วฉิบหาย รู้จัก Ratio อะไรบ้างวะ แต่พวกเหล่า สว.เหล่านี้ แกมีข้อดีอยู่อย่างนะ ที่ผมเพิ่งมาบรรลุคือ พวกแก Cut lost เป็น ถ้าซื้อผิด แกขายทิ้งเลย แล้วก็มานั่งบ่นนั่งด่ากันตอนตลาดปิด ส่วนผมนะเหรอ กูเป็น VI โว้ย ซื้อแล้วถือยาว ปรากฏว่า หุ้นดิ่งลงอย่างหนัก จนสุดท้ายผมทนไม่ไหว กูยอมแล้ว ซื้อไป 100 ลงไปเกือบ 40 ยอมขายเอาเงินคืนดีกว่า

551258_m1042521798.jpg

หลังจากนั้น เลิกเล่นไปสักระยะ ผมก็มาเริ่มเล่นใหม่อีกที ตอนเข้ามาทำงานธนาคาร คราวนี้ เปลี่ยนแนว ไม่เอาแล้ว คราวนี้ กูจะเป็นเทรดเดอร์แทน เล่นหุ้นแบบเทคนิค ดูกราฟครับ รู้แม่งทุกกราฟ กูเก่ง ดักซื้อ ดักขาย เออ มันก็เป็นจริงแบบกราฟนะ ได้กำไรกลับคืนมาพอสมควรนะ จากนั้น ผมก็ยึดแนวเล่นตามกราฟมาตลอด ส่วนใหญ่จะกำไร ระยะหลังเริ่มห้าว เล่น warrant ตัวที่ผมทำกำไรได้เยอะสุดคือ KK-warrant4 และมันก็คือตัวที่ทำให้ผมขาดทุนเยอะสุดเช่นกัน  กลับมาเจ็บตัวอีกครั้ง ….เลิก

หลังจากนั้น ผมก็ได้ลาออกจากธนาคาร มาเป็น FA ( Financial Advisor) ได้เจอนักธุรกิจมากมาย ได้ความรู้และประสบการณ์จากท่านๆ เหล่านั้น และทำให้ผมตัดสินใจได้ว่า กูไม่ควรเล่นหุ้นอีกเลย เรามันเป็นแค่แมงเม้าจริงๆ อย่างที่เขาชอบพูดๆ กันนะครับ วงในอินไซด์ มันช่างน่ากลัวจริงๆ จากนั้นผมก็ห่างหายไปเลย จนกระทั่ง เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ผมกลับมาอีกครั้ง

white and yellow flower with green stems
Photo by Bess Hamiti on Pexels.com

คราวนี้ผมมาในแบบคนแก่ คนกระจอก ที่ผมเคยด่าๆ ไว้ คือ ซื้อกองทุนรวมครับ ผมเคยดูถูกพวกซื้อกองทุนรวมว่า ถ้าจะกำไร ก็ขอให้กำไรจากการตัดสินใจของตัวเอง จะขาดทุนก็เช่นกัน แต่ผมก็ต้องกลับหมุนตัว 360 องศา กลายเป็นคนแก่ ที่ซื้อกองทุนรวม อะช่างมัน ยอมรับว่าแก่ครับ จะบอกว่า ผมซื้อกองทุนของ กสิกรครับ K Set50 ครับ ผมซื้อ ลงทุนแบบ ดอลล่าร์ คอสต์ (Dollar Cost Average)

ซึ่งผมเองไม่ได้ทำงานประจำ ผมได้เงินมา ผมก็จะซื้อ ทีละ 2-3 พันบาท ไม่จำเป็นต้องเดือนละครั้ง อาจจะเดือนละ 2 ครั้ง หรือ 3 เดือน 2 ครั้งก็ได้ ผมเก็บเงินอยู่ในกองทุนนี้มาจะสองปีละ ที่ผมเอาเรื่องราวมาเขียนใน Blog นี้ เพราะอะไรรู้ไหมครับ ตอนนี้ ช่วงเดือน 6 ของปี 2018 นี้ อยู่ในช่วงหุ้นตก ตกหนักมาเดือนสองเดือนละ แต่ผมเพิ่งเปิดดูพอร์ทของผม ใน K PLUS แอพมือถือ ปรากฏว่า หน่วยลงทุนของผม แม่งยังมีกำไรวะ กำไรไม่ถึง 10% แต่แม่งก็ไม่ขาดทุน ทั้งๆ ที่คนในตลาด ช่วงนี้ ตายกันไปหลายคนละ แต่ผมยังมีกำไร

นี่ละ ประสิทธิภาพของ การลงทุนแบบ Dollar Cost Average ใครไม่เชื่อลองไปหาข้อมูลดูนะครับ  บทความนี้ เหมือนผมจะได้สปอนเซอร์จาก กสิกรเลยนะ 555

ติดตามผมต่อได้ที่ YouTube นะครับ