คนเราจะเริ่มเป็นหนี้ได้ คนนั้นต้องมีเครดิตก่อนนะครับ ถ้าใครไม่มีเครดิตคงกู้ยืมเงิน ใครเขาก็คงไม่ให้กู้ แต่เริ่มแรก หลายคนเริ่มกู้เงิน ตั้งแต่สมัยที่เราเป็นนักเรียน ยืมเงินเพื่อน เพื่อนมันก็คงมั่นใจเรา ถึงยอมให้เรายืมเงิน และเพื่อนก็ต้องมั่นใจว่า เราสามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ ฉะนั้นหลักการง่ายๆ เวลาคนจะให้ยืมเงิน คือ
1. เครดิตคนกู้ ดีหรือไม่?
2. คนกู้ มีความสามารถ ในการใช้หนี้คืนหรือไม่?
หลักการง่ายๆ 2 ข้อนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ วงจรหนี้ ใครที่มีหนี้ก้อนแรก ที่กู้ผ่าน คงไม่ได้เกิดจากการมีเครดิตในการผ่อนชำระหนี้นะครับ เพราะ สมมติว่า เราเพิ่งเรียนจบ ยังไม่เคยสร้างหนี้ ยังไม่มีเครดิต เจ้าหนี้ ก็คงพิจารณาจาก คุณสมบัติของคนกู้ เช่น ทำงานที่ไหน อาชีพอะไร เงินเดือนเท่าไร และพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ ถึงแม้ว่ายังไม่มีเครดิตก็เริ่มกู้ได้ จากเงินกู้ วงเงินเล็กๆน้อยๆ ไปก่อน ดูกันครับว่า วงจรหนี้ มันจะเริ่มอย่างไร และแต่ละคนจะจบลงอย่างไร บางคนจบดี บางคนจบไม่ดี บางคนยังไม่จบ

หนี้ระยะแรก ครับอย่างที่บอก ว่าเรายังไม่มีเครดิตดี ในระยะแรก หากเริ่มกู้ได้ วงเงินก็ไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่ จะเป็นวงเงินบัตรเครดิต หรือ บัตรผ่อนสินค้า ระยะแรกนี้ ธนาคารจะให้กู้ ก็เพราะว่าเรายังสดใหม่ ถึงแม้เราจะไม่มีเครดิตก็ตาม เพราะเจ้าหนี้ หรือ ธนาคาร เข้าใจได้อยู่แล้วว่าเราเพิ่งเริ่มทำงาน ทำงานครบ 1 ปี เริ่มยื่นกู้กันแล้วครับ หนี้ระยะแรกนี้ ส่วนใหญ่คนที่ยังอยู่ในช่วงนี้ จะมีประวัติในการผ่อนชำระดีครับ แล้วหลายคนจะมีหนี้มากหรือน้อย ตรงนี้ล่ะครับ จะวัดกันต่อไปว่า คุณจะไประยะที่ 2 3 และ 4 ต่อ ได้ หรือ ไม่
บางคนจอดป้าย แค่ที่ระยะแรกนี้เท่านั้นครับ คือ ยังไม่สามารถไปสร้างหนี้ที่ดูแล้ว เป็นตัวเป็นตน เป็นกอบเป็นกำ ได้สักเท่าไร สร้างหนี้ได้แค่ บัตรเครดิต บัตรผ่อนสินค้า บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อบุคคล ก็จอดป้ายเรียบร้อยครับ เป็นหนี้เสีย หนี้ในระยะแรกนี้ ถ้าใครเป็นแล้ว ค่อยๆเพิ่มพูน เพิ่มพูนหนี้นะครับ หนี้มันจะขึ้นมาเรื่อยๆ คุณมีโอกาสจบตั้งแต่ระยะแรกเลย เริ่มจากบัตรเครดิต 1 บัตร 2 บัตร 3 บัตรบัตรกดเงิน สดสินเชื่อบุคคล สุดท้ายหมุนไม่รอด ถ้าใครไม่รอดจอดป้ายใครรอดไปต่อ ระยะที่ 2 ครับ

หนี้ระยะที่สอง คือหนี้บ้าน หรือหนี้รถ อันนี้เริ่มขยับ step ขึ้นมานะครับ เป็นหนี้ที่มีหลักประกันแล้วครับ แต่คุณต้องผ่านระยะแรกให้ได้ก่อนนะครับ คือการที่คุณจะกู้ซื้อบ้าน หรือกู้ซื้อรถ หากคุณมีหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อบุคคล ทั้งหลายเยอะมากเกินไป คุณจะมาต่อข้อ 2 หรือระยะที่ 2 ไม่ได้ เพราะคุณจะติดขัด ข้อหามีภาระหนี้สูง ไม่สามารถยื่นกู้บ้าน หรือยื่นกู้รถ ได้ครับ แต่หลายคน ถ้าเตรียมตัวมาดีการสร้างหนี้ระยะที่ 1 จะเป็นการสร้างเครดิตเพื่อเป็นรากฐาน ให้สามารถสร้างหนี้ระยะที่ 2 ต่อได้ แต่หลายคนการสร้างหนี้ระยะที่ 1 เป็นการสร้างเครดิตเสียให้กับตัวเองแล้วไปต่อไม่ได้จอดอยู่แค่ระยะที่ 1
หนี้ระยะที่ 2 นี้ ถ้าคุณสามารถบริหารหนี้ ในระยะที่ 1 ได้ดี เป็นหนี้พอสมควร รักษาเครดิตดี ภาระหนี้ต่อเดือนไม่สูงมาก คุณจะสามารถกู้บ้าน และกู้รถผ่าน แต่ผมว่าร้อยละ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่มีภาระหนี้สูง หลายคนเตรียมตัวไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าคนเตรียมตัวดี คือคุณจะค่อยๆลดภาระหนี้ลง ค่อยๆปิดบัตร ที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องยกเลิกบัตรก็ได้นะครับ ค่อยๆทยอย ลดภาระหนี้ลง บัตรผ่อนสินค้า ถ้าลดภาระหนี้ลงแล้ว สินเชื่อบุคคลพยายามเคลียร์ให้จบ เพื่อที่จะเตรียมตัวในการกู้ซื้อบ้าน หรือกู้ซื้อรถ แต่หลายคนก็เกิดปัญหานะครับ เช่น จะกู้ซื้อบ้าน ก็ไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่สินเชื่อ บอกว่ามีภาระหนี้สูงเกินไป ทำไงครับ ก็ไปหยิบยืมเงินคนมาปิดหนี้ก่อน ก่อนที่จะยื่นกู้บ้าน ถ้าไปหยิบยืมเงินผู้คนที่รู้จักญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ดีไป บางคนไปหยิบยืมเงินที่มีดอกเบี้ยแพงๆนะครับ ปิดหนี้เสร็จกู้บ้านผ่านสุดท้ายเป็นทั้งหนี้บ้าน เป็นหนี้บัตร เป็นหนี้นอกระบบพัวพันกันไปหมด อันนี้ครับคือหนี้ระยะที่ 2 เริ่มน่ากลัวแล้ว ใช่ไหมครับ
หนี้ระยะที่สาม มันจะวนลูปจากหนี้ระยะที่ 1 2 กลับมาเป็นระยะที่ 3 คือ หลังจากที่คุณกู้บ้านได้แล้ว กู้รถได้แล้ว ไอ้บัตรเครดิตที่คุณเริ่มมี ตอนระยะที่ 1 และคุณจำเป็นต้องปิดไปหรือลดหนี้ลง เพื่อที่จะยื่นกู้บ้าน หลังจากนั้น คุณจะกลับมาเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกรอบครับ คราวนี้จะมาหนักกว่าเดิม เป็นหนี้บัตรเครดิต เป็นหนี้สินเชื่อบุคคล สินเชื่อ personal loan ทั้งหลาย เพราะอะไร เพราะคุณเริ่มมีภาระที่มากขึ้นครับ บ้านจำเป็นต้องมีเฟอร์นิเจอร์ จำเป็นต้องต่อเติม จำเป็นต้องดูแลรักษารถ ค่าใช้จ่ายต่างๆนู่นนี่นั่น คุณเริ่มที่จะสร้างครอบครัวแต่บางครั้ง ครอบครัวที่คุณสร้างมันเร็วเกินไป คุณไม่ได้สร้างครอบครัวจากรายได้ของคุณ หรือรายได้ของครอบครัว แต่คุณสร้างครอบครัวด้วยหนี้ ที่คุณสามารถกู้ได้ ผิดหลักการอย่างชัดเจนครับ อันนี้คือหนี้ระยะที่ 3 หนี้ระยะนี้ จะเริ่มก่อตัว และเริ่มสร้างปัญหาให้คุณ แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกถึงปัญหานั้น ก็อย่างที่บอกคุณสร้างหนี้บัตรเครดิต สร้างหนี้สินเชื่อบุคคล คุณสร้างหนี้ในระบบเพิ่มจนไม่สามารถสร้างหนี้ในระบบได้อีกต่อไปแล้ว

หนี้ระยะที่สี่ ครับ คือหนี้นอกระบบ คำว่าหนี้นอกระบบคือ คุณยืมเงินพี่น้องเพื่อนฝูง ก็ถือว่าเป็นหนี้นอกระบบนะครับ แต่ถ้าไปกู้นายทุนปล่อยเงินกู้ละก็ อันนี้นอกระบบของจริงครับ ร้อยละ 5 ร้อยละ 10 ต่อเดือน อันนี้หนักแน่นอน ถ้าคุณมาถึงระยะที่ 4 แล้วคุณยังไปต่อความหมาย คือคุณก็ยังสร้างหนี้สร้างสินนอกระบบเพิ่มขึ้นมาอีก ผมบอกเลยครับ โอกาสที่คุณจะตกนรกทั้งเป็นสูงมาก มันจะสร้างความเครียดให้คุณได้มากกว่านี้ในระบบหลายร้อยเท่าพันเท่าเลยครับ ถ้ายังทัน คุณควรจบวงจรหนี้ ที่แค่ หนี้ระยะที่ 3 เท่านั้นพอครับ คุณควรจบที่ระยะที่ 3 แล้วแก้ไขมัน ไม่ควรถลำมาถึงระยะสี่ คือ หนี้นอกระบบ
แต่ถ้าจบไม่ได้ ในที่นี้ จะพูดถึงเฉพาะหนี้ในระบบนะครับว่า จะเกิดอะไรกับคุณบ้าง
- คุณจะโดนทวงหนี้ ทวงแบบน่ารำคาญ แบบสร้างความเครียดทุกวัน เจ้าหนี้จะทวงหนี้คุณหนักๆ ในช่วง 1-3 เดือนแรกเท่านั้น หลังจากนั้นจะมีการเปลี่ยนผู้ดูแลคนใหม่ ทีมใหม่ แล้วก็จะผลัดเปลี่ยนเจ้าหน้าที่คนใหม่ๆเข้ามาทวงคุณ เรื่อยๆ
- ในระยะนี้เขาอาจจะมีข้อเสนอให้คุณปรับโครงสร้างหนี้ หรือขอให้คุณชำระหนี้ให้จบเพียงครั้งเดียวที่เรียกว่าแฮร์คัท ถ้าหลายคนทำได้ก็ทำไปครับ ทำไม่มีเงินก้อน ก็ปรับโครงสร้างหนี้ครับ ถ้าเจรจาได้ สุดท้าย ปรับแล้ว จ่ายไม่ไหวกลับมาผิดนัดเหมือนเดิม
- ขั้นตอนต่อไปก็คือ เขาอาจจะฟ้องคุณครับ ระยะเวลาฟ้องตอบไม่ได้ชัดเจนแต่ ถ้าคุณเริ่มผิดนัด 6 เดือนขึ้นไป จะเริ่มฟ้องแล้ว
- ถ้าฟ้อง และคุณไปเจรจาที่ศาล ทำยอมที่ศาลได้ ก็ผ่อนต่อครับ แต่ถ้าเราผ่อนต่อไม่ได้ตามที่ทำสัญญายอมไว้ เขาจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปครับ
- หลังจากถูกฟ้องแล้ว ทำยอมแล้ว หรือว่าคุณไม่ไปทำยอม โดนพิพากษา หรือบางคนทำยอมแล้ว แต่ทำไม่ได้ ก็ถือว่าจบเหมือนกันเปรียบเสมือนคุณถูกพิพากษาตามฟ้อง เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะบังคับคดีโดยใช้อำนาจตามคำพิพากษา
- เขาจะเริ่มสืบทรัพย์คุณ สืบว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีเงินเดือนเท่าไหร่ เงินฝากอยู่ที่ไหน ถ้ามีอสังหาริมทรัพย์อะไรมีบ้านที่ไหน รถมีไหม เขาจะตามสืบทั้งหมด ถ้าเขาเจอ เขาสามารถยึดได้หมด
- ตามยึดทรัพย์ได้เอาไปขายทอดตลาดครับ ไม่ใช่ยึดทรัพย์เพื่อไปเป็นของเจ้าหนี้นะครับ ยึดทรัพย์เพื่อไปขายทอดตลาด
- ขายทอดตลาด ได้เงินไม่พอใช้หนี้ ตามบี้ต่อ คุณมีอะไรอีกตามยึดให้หมด
- แต่สุดท้ายก็คงไม่มีอะไรเหลือแล้ว เจ้าหนี้สามารถตามยึดทรัพย์คุณได้ 10 ปีหลังจากคำพิพากษา คุณจะต้องติดบ่วงกรรมหนี้ไปอีกยาวนาน
แต่สำหรับผม หลุดบ่วงกรรม ของหนี้แล้วครับ
แก้หนี้ สร้างหนี้ เราจัดการให้
ติดต่อ LineID : @antonio
ติดตามคลิปดีๆ ในแวดวงการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ได้ที่ Youtube
และติดตามผมต่อได้ที่ Facebook/AntonioAttorney.Company
สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว คลิกเลยครับ
ดูคลิปพิเศษจาก Antonio https://bit.ly/3wqjila
ติดต่อ ผมที่ email : antonioattorney@gmail.com หรือ LineID : @antonioattorney
ที่ปรึกษาสำหรับ ผู้ประกอบการ SME แก้หนี้ หรือ ขอกู้เงิน สินเชื่อ คลิกเลยครับ Antonio SME
