จากภาวะเศรษฐกิจ ที่ตกต่ำกันมาโดยต่อเนื่องหลายปี ไม่ว่าจะทั่วโลกหรือโดยเฉพาะประเทศไทยเอง อัตราการว่างงานของไทย อยู่ในระดับทรงตัวมาตลอด เศรษฐกิจก็ซึม จนเกิดปรากฏการณ์โควิด19 ระบาดทั่วโลก จุดเปราะบางด้านเศรษฐกิจ ก็ถึงจุดแตกหัก ผลกระทบแรก ซัดไปที่ธุรกิจท่องเที่ยว และขนส่ง เกิดการหยุดดำเนินธุรกิจ work from home และ leave without pay จนสุดท้ายถึงขั้นเลิกจ้าง แล้วก็เริ่มลามไปทั่วเกือบทุกภาคส่วนของธุรกิจ
กลุ่มเสี่ยงตกงานมากที่สุด มันเริ่มมาจากธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจขนส่ง สุดท้ายก็ลุกลามไปทั่วเกือบทุกธุรกิจ โดยกลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงสูงคือกลุ่มลูกจ้างชั่วคราว ผู้ประกอบอาชีพอิสระและลูกจ้าง SMEs ซึ่งถือเป็นคนส่วนมากถึง 62% ของกำลังแรงงานไทย และมีความอ่อนไหวสูงต่อสภาวะเศรษฐกิจ
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ จำนวนผู้มีงานทำของไทยมีแนวโน้มลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้มีงานทำเฉลี่ยในปี 2019 อยู่ที่ 37.6 ล้านคน ลดลงไป 4.8 แสนคนเมื่อเทียบกับจำนวนเฉลี่ยในปี 2014 ทั้งนี้สาเหตุมาจากทั้งปัจจัยเชิงวัฏจักร คือ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ความต้องการแรงงานมีน้อยลง และปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะการออกจากกำลังแรงงานของกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 5.4 เป็น 6.8 ล้านคนในช่วงเดียวกัน ทั้งนี้จำนวนผู้มีงานทำเฉลี่ยในไตรมาสแรกของปีนี้ยังอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยมีจำนวนอยู่ที่ 37.4 ล้านคน ลดลง
จากข้อมูลผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ของสำนักงานประกันสังคมล่าสุดพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2020 จำนวนผู้ประกันตนที่ว่างงานเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6 แสนคน เพิ่มขึ้น 4.5%YOY โดยอัตราการว่างงานของผู้ประกันตนมาตรา 33 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่หลังช่วงวิกฤติการเงินโลกปี 2008-2009
ครั้งนี้ ปัญหาการว่างงาน สูงกว่าในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ในปีนั้น ภาคการเกษตรยังคงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก แต่ครั้งนี้ จะไปหวังพึ่งด้านการเกษตรแทบไม่ได้ แรงงานที่มาใช้แรงงานในเมืองหลวง หรือกรุงเทพฯจะกลับบ้าน เพื่อที่จะไปเป็นเกษตรกรก็มีปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้น วิกฤตโควิด19 ครั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวจะไม่เร็วนัก และปัญหาที่ต้องระวังคือ กลุ่มผู้ใช้แรงงานเหล่านี้ แทบไม่มีเงินเก็บ หรือเงินออมเลย ยังมองภาพไม่ออกเลยครับว่า ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อไปอีกสักระยะ โควิด19 ยังลุกลามและบานปลาย หนี้นอกระบบคงกลับมายั้วเยี้ย เต็มบ้านเต็มเมืองอีกแน่
แต่ปัญหาที่นักวิชาการเป็นห่วงคือ ถ้าเกิดการกู้ยืมเงินในภาคสถาบันการเงิน และอาจจะเป็นหนี้เสียขึ้นในอนาคตได้ ผมฟันธงเลยครับว่าไม่ต้องกลัวจะมีหนี้เสีย เพราะกลุ่มผู้ตกงานเหล่านี้ไม่มีทางกู้ธนาคารผ่านแน่นอน สวัสดีครับ
ติดตามคลิปดีๆ ในแวดวงการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ได้ที่ YouTube
และติดตามผมต่อได้ที่ facebook/AntonioAttorney
สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาการเงินส่วนตัว คลิกเลยครับ
ติดต่อ ผมที่ email : antonioattorney@gmail.com หรือ LineID : @antonioattorney