กยศ. แก้หนี้ ลุยปรับโครงสร้างหนี้-ลดดอก

กยศ.

Quick Win แก้หนี้ กยศ. ประเดิมงดบังคับคดี ลุยปรับโครงสร้างหนี้-ลดดอก

รัฐบาลเดินหน้าสางปม “หนี้กยศ.” ภายหลังกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน มี.ค.66 แต่ผู้กู้ และลูกหนี้กยศ. ยังใช้หนี้ และถูกบังคับคดีตามกฎหมายเก่า รวมไปถึง “ผู้ค้ำประกัน” ด้วย

เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ก.ย. 2566 กระทรวงยุติธรรมได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกันระหว่างผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อแก้ปัญหาการบังคับหนี้ และบังคับคดี ซึ่งยังเป็นไปตามกฎหมายเก่า ทั้งๆ ที่ไม่มีบทเฉพาะกาลให้บังคับใช้กฎหมายเดิมในช่วงที่ยังไม่มีการออกหลักเกณฑ์หรือระเบียบปฏิบัติตามกฎหมายใหม่

ส่งผลให้ผู้กู้ ลูกหนี้ และผู้ค้ำประกัน โดนละเมิด โดนเรียกเก็บหนี้ ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และบังคับคดี ทั้งตัวลูกหนี้รวมไปถึงผู้ค้ำประกัน เกินกว่าที่กฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันกำหนด

เรื่องนี้มีการจัดทำเอกสารรายละเอียดกฎหมาย สภาพปัญหา และแนวทางปฏิบัติ พร้อมขีดเส้นให้กยศ.และกรมบังคับคดี เดินตามกรอบแนวทางนี้อย่างชัดเจน เร่งด่วน เพื่อบรรเทาทุกข์ให้ผู้กู้กยศ.ทุกราย

กฎหมายใหม่ กยศ. ใช้นานแล้ว แต่…ลูกหนี้ยังอ่วมตามกฎหมายเดิม

พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566

➤ มีผลใช้บังคับวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยไม่มีบทเฉพาะกาลในการบังคับใช้ พ.ร.บ. กองทุนฯ (ฉบับที่ 1) ดังนั้นเมื่อไม่มีบทเฉพาะกาล พ.ร.บ. กองทุนฯ (ฉบับที่ 1) จึงเป็นอันสิ้นผล

➤ ปัญหา

  • ปัจจุบันผู้กู้ยืมเงินยังคงถูกหักเงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ ในอัตราเดิม (ดอกเบี้ย 7.5% เบี้ยปรับ 18%) ทั้งๆ ที่บทกฎหมายดังกล่าวไม่มีสภาพบังคับแล้ว ทำให้ผู้กู้ยืมได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก โดยเป็นกรณีที่ถูกหักเงินเกินกว่าที่ต้องชำระตามกฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่
  • หนี้ที่อยู่ในชั้นบังคับคดี ผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันยังคงถูกยึด อายัด ขายทอดตลาด ตามกฎหมายเดิม ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมายใหม่ที่มีผลใช้บังคับแล้ว

ผู้ค้ำประกัน กยศ. ต้องหลุดหนี้ทันที – งดบังคับคดีผู้กู้ทุกคดี

ข้อเท็จจริงที่หนึ่ง

มาตรา 29 บัญญัติว่า “เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรา 44 วรรคสี่ ภายหลังจากวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับกับผู้กู้ยืมเงิน ให้ผู้ค้ำประกันเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้นั้น”

มาตรา 44 วรรค 4 บัญญัติว่า “เพื่อบรรเทาภาระของผู้กู้ยืมเงินให้สามารถชำระเงินคืนกองทุนได้ กองทุนอาจผ่อนผัน ให้ผู้กู้ยืมเงินชำระเงินคืนกองทุนแตกต่างไปจากจำนวน ระยะเวลา หรือวิธีการที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือ ลดหย่อนหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ แปลงหนี้ใหม่ หรือระงับการชำระเงินคืนกองทุนตามที่ผู้กู้ยืมเงินร้องขอเป็นรายบุคคลหรือเป็นการทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด”

ข้อเสนอ

จากบทบัญญัติที่มีการแก้ไขใหม่ดังกล่าวข้างต้น เมื่อกองทุนมีการดำเนินการตามมาตรา 44 แล้ว จะเป็นผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวง รวมทั้งหนี้ในชั้นบังคับคดีด้วย ดังนั้นในระหว่างรอคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง จึงเห็นควรให้กยศ.ในฐานะโจทก์ งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวก่อนทุกคดี

คดีที่อยู่ในชั้นบังคับคดี
➤ กรณีมีหมายบังคับคดี แต่ยังไม่มีการยึดหรืออายัด และระยะเวลาบังคับคดีเหลือมากกว่า 6 เดือน ให้รอการบังคับคดีไว้ก่อน
➤ หากคดีอยู่ระหว่างรอการทำบัญชีแสดงรายการรับ-จ่าย ให้โจทก์แถลงขอให้รอการทำบัญชี
➤ ตามกฎหมาย การของดการบังคับคดีของกยศ.โจทก์ต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้ จำเลย ดังนี้ หากเป็นกรณีที่ติดต่อลูกหนี้ไม่ได้ ให้โจทก์ขอศาลงดการบังคับคดี

กยศ.มีประเด็นว่าคดีที่อยู่ในชั้นศาล และชั้นบังคับคดี อาจมีปัญหาเรื่องอายุความ หรือระยะเวลาบังคับคดี ทำให้ กยศ.ต้องเร่งดำเนินการ จึงเสนอให้ทำการแปลงหนี้ใหม่เพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่ โดยคณะกรรมการต้องเร่งออกหลักเกณฑ์ ทั้งการผ่อนผันการชำระ การปรับโครงสร้างหนี้ และการแปลงหนี้ใหม่

ผ่อนยาว 15 ปี – ตัดเงินต้นก่อนดอกเบี้ย – เลือกวิธีได้

ข้อเท็จจริงที่สอง

มาตรา 44 วรรค 2 บัญญัติว่า คณะกรรมการจะกำหนดให้เริ่มคิดดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กู้ยืมเงินนับแต่เวลาใด ภายหลังที่สำเร็จการศึกษา เลิกการศึกษา หรือพ้นสภาพการศึกษาแล้วก็ได้ แต่อัตราดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดที่คิด ณ วันที่ทำสัญญา ต้องไม่เกินอัตราร้อยละหนึ่งต่อปี และห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยทบต้น หรือจะยกเว้นหรือลดหย่อนดอกเบี้ยให้แก่ผู้กู้ยืมเงินที่ชำระเงินคืนกองทุนครบถ้วน หรือมีประวัติชำระเงินคืนกองทุนดีต่อเนื่อง หรือกรณีที่มีเหตุจำเป็นและสมควร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

มาตรา 44/1 บัญญัติว่า หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (8) ต้องเป็นไปตามหลักการดังต่อไปนี้

  • ระยะเวลาการผ่อนชำระเงินคืนกองทุน ต้องคำนึงถึงรายได้และความสามารถในการชำระเงินคืนของผู้กู้ยืมเงินประกอบด้วย แต่ต้องไม่เกินสิบห้าปีนับแต่วันที่มีหน้าที่ต้องชำระ เว้นแต่กรณี ที่มีเหตุจำเป็นและสมควรจะขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปอีกก็ได้
  • การผ่อนชำระเงินคืนกองทุนเป็นงวด ผู้กู้ยืมเงินต้องสามารถชำระเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีได้
  • ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินมีหนี้ค้างชำระทั้งต้นเงิน ดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่ม เงินที่ผู้กู้ยืมเงินชำระให้นำไปหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่ม ตามลำดับ
  • การให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในระดับสูงกว่าปริญญาตรี ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคำนวณเงินที่จะต้องใช้ในห้าปีถัดไปแล้ว ยังมีเงินเหลือจากการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในระดับไม่สูงกว่าปริญญาตรี
  • การกำหนดมาตรการจูงใจเพื่อให้ผู้กู้ยืมเงินไม่ผิดนัดชำระเงินคืนกองทุน หรือชำระเงินคืนกองทุนครบถ้วนก่อนกำหนดเวลา ซึ่งอาจเป็นการลดหย่อนต้นเงินหรือให้ประโยชน์อื่นใดก็ได้
ลูกหนี้ กยศ.

ข้อเสนอ

เนื่องจากปัจจุบันผู้กู้ยืมเงินยังคงถูกหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ตามหลักเกณฑ์เดิม ซึ่งคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในจำนวนที่สูง เป็นเหตุให้ผู้กู้ยืมได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่ จึงเห็นควรประสาน กยศ. เพื่อดำเนินการคำนวณยอดหนี้ย้อนหลังให้เป็นไปตามตามกฎหมายใหม่โดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ การปรับลดยอดผ่อนชำระ ต้องคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ ตามมาตรา 44/1 ด้วย

ประเดิม 4.7 หมื่นคดีแรกได้อานิสงส์ – ปรับโครงสร้างหนี้ตามกฎหมายใหม่

หมายเหตุ
**ความชัดเจน (ยืนยันจากผู้จัดการ กยศ. จากการหารือวันที่ 18 ก.ย.66)

สำนวนยึดทรัพย์

ลูกหนี้กยศ.ที่ชำระไปแล้วในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ต้องนำดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่ลูกหนี้ได้ชำระไปแล้ว มารวมคำนวณ เพื่อปรับลดต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่รวมไม่เกิน 1.5%

โดยลำดับหักการชำระหนี้ เงินต้น > ดอกเบี้ย > เบี้ยปรับ รวมทั้งที่ถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดี บังคับคดีประมาณ 4.7 หมื่นคดีด้วย

(ในชั้นบังคับคดีแม้ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา แต่มีกฏหมายออกมาใหม่ที่ถือว่าใหญ่กว่าคำพิพากษา ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีข้อเสนอที่ให้กรมบังคับคดีรวบคดีที่ใกล้หมดอายุความยื่นคำร้องให้ศาลสั่งเพื่อเป็นไปตามกฏหมาย)

ลูกหนี้ กยศ.จะได้ประโยชน์ บางรายอาจหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ ดังนั้นการไกล่เกลี่ยปัจจุบันควรต้องชะลอหนี้ กยศ. และต้องใช้หลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.กองทุนฯ ฉบับใหม่ ในการไกล่เกลี่ยเพื่อความเป็นธรรมตามที่กฏหมายกำหนด

ดีเดย์ปรับโครงสร้างหนี้ 1 พ.ย. ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1

สำหรับวงประชุมระหว่างกระทรวงยุติธรรม กับผู้จัดการ กยศ. และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 18 ก.ย.66 โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เชิญนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ผู้จัดการ กยศ.) เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับ ความคืบหน้าการดำเนินงานการไกล่เกลี่ยหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และแนวทางการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. กยศ. ฉบับใหม่ ซึ่งมีผลใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.66 ที่ผ่านมา

โดยนายชัยณรงค์ ได้รายงานว่า ปัจจุบันกยศ.อยู่ระหว่างการจัดทำระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ การแปลงหนี้ใหม่ และการระงับการชำระเงินคืนเพื่อให้เป็นตาม พ.ร.บ. กยศ. ฉบับใหม่ โดยคาดว่าจะออกระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ภายในเดือน ต.ค.66 และจะเริ่มให้ลูกหนี้ กยศ. เข้ามาทำการปรับโครงสร้างหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.66 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การแก้หนี้กยศ.เป็นหนึ่งในโครงการ Quick Win ของกระทรวงยุติธรรมที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน โดยเห็นควรให้มีการตั้งคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรม เพื่อร่วมแก้ปัญหาหนี้กยศ.ซึ่งตาม พ.ร.บ.กยศ.ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จะทำหนังสือแจ้งกรมบังคับคดี เพื่องดการบังคับคดีออกไปก่อนในระหว่างที่รอออกระเบียบฉบับใหม่ ตาม พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยจะมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และวิธีการชำระหนี้ ซึ่งจะมีลูกหนี้ทั่วไป และลูกหนี้ที่ปัจจุบันเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งที่เป็นลูกหนี้และผู้ค้ำประกันให้กับลูกหนี้กยศ.ได้รับประโยชน์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำว่ากระทรวงยุติธรรมและกองทุนกยศ.จะร่วมกันดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายกยศ.ฉบับใหม่ ที่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.66 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ลูกหนี้ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยเงินที่ลูกหนี้ชำระเข้ามาจะถูกนำไปชำระเงินต้นก่อน แล้วตามด้วยดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนกยศ.ที่มิได้ต้องการแสวงหากำไร แต่เป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษามากขึ้น


ปัญหาหนี้ สำหรับ เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ บริษัท SME หากท่าน เริ่มมีปัญหา มีภาระหนี้มาก ผ่อนชำระหนี้ไม่ไหว เริ่มค้างชำระงวด ธนาคารทวงหนี้ หรือ บางรายเป็นหนี้เสีย กลายเป็นหนี้เสีย NPL ให้เราหาทางออกให้ครับ

ปัญหาเรื่องหนี้ หากเริ่มแก้ไข ตั้งแต่ต้น แบบถูกหลัก ปัญหามันจะจบ และไม่บานปลาย

ให้เรา Antonio Attorney ดูแลคุณ คุณเพียง เอาเวลาไปทำงาน หรือ ทำธุรกิจ ของคุณ ต่อไป อย่าเสียเวลา เสียสมาธิ หรือปวดหัว วุ่นวาย จากการเตรียมเอกสาร อย่ามัวแต่กังวล กับปัญหาต่างๆ ให้เราดำเนินการแทนคุณครับ (บริการในรูปแบบบริษัท เรามีทีมงานด้านการเงิน และกฎหมาย เพื่อเป็นทีมดำเนินการแทนคุณ)

ให้เราแก้ปัญหาหนี้ แนะนำแนวทางการแก้หนี้ แนะนำแนวทางการเจรจาหนี้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เรามีบริการ ในหลากหลายรูปแบบครับ

หรือ ท่านที่ต้องการกู้เงิน ต้องการวงเงินกู้ ขอสินเชื่อ เพื่อประกอบธุรกิจ เราก็มีบริการ จัดหาวงเงินกู้ ขอสินเชื่อ กับ สถาบันการเงินให้กับคุณ

ผม ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท อันโตนิโอ แอททอร์นี จำกัด ผมมีประสบการณ์ ในการเป็น ผู้วิเคราะห์สินเชื่อ จากธนาคาร ชั้นนำหลายธนาคาร และผมยังเป็นที่ปรึกษาการเงิน Financial Advisor ( F. A.) ให้กับ ธุรกิจ กิจการ SME ตั้แต่รายกลาง ไปจนถึงรายใหญ่

ผมมีประสบการณ์ มายาวนาน ผมผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ ตั้งแต่ ต้มยำกุ้ง วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 วิกฤตเศรษฐกิจ แฮมเบอร์เกอร์ ปี 2008 จนมาถึง วิกฤตโควิด ในครั้งนี้ ผมมีประสบกาณ์ ในฐานะ ที่ปรึกษาการเงิน มาอย่างยาวนาน กว่า 20 ปี

อะไรบ้าง ที่คุณจะได้จากผม

1. เทคนิค และวิธีการเจรจาต่อรอง แก้ไขหนี้ และนำเสนอข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อให้การแก้หนี้ การปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จลุล่วง

2. หากกรณี ขอสินเชื่อ ผมจะดูและแนะนำ การเตรียมข้อมูล และเอกสาร เพื่อให้คุณยื่นกู้ ขอสินเชื่อ ให้ผ่าน โดยผมจะแนะนำเจ้าหน้าที่ หรือ ผู้ดูแลอนุมัติสินเชื่อ ให้กับคุณ ในการยื่นเรื่องที่ง่ายขึ้น

3. ในระหว่าง ที่ดำเนินการดังกล่าว ทั้งแก้หนี้ หรือ ขอสินเชื่อ ติดต่อ สอบถาม ผมพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับคุณ โดยต่อเนื่องครับ

อัตราค่าบริการ มี 2 แบบ

1. แบบปรึกษา ผ่านโทรศัพท์เท่านั้น ไม่จำกัดครั้ง (ตลอดชีพ) จำนวน 2,500 บาท

2. แบบพบเจอตัว (Private Session) 1 ครั้ง หลังจากนั้น ปรึกษาโทรศัพท์ ไม่จำกัดครั้ง (ตลอดชีพ) ค่าบริการ 7,000 บาท

ชื่อบัญชี Yuttana Kosakul

KBank 766 2 21897 3 / SCB 407 0 55631 0

หลังจากโอนเงินแล้ว ส่งสลิปมาที่ LineID : @antonio หรือ email : antonioattorney@gmail.com แล้วแจ้ง ชื่อ และเบอร์ติดต่อ แล้ว ผมจะรีบติดต่อเพื่อนัดหมายครับ

อย่าปล่อยให้ปัญหาหนี้เสีย NPL ของคุณลุกลาม จนต้องถึงขั้น ดำเนินคดี ฟ้องร้อง ขึ้นศาล หรือ บางกรณี จนถึงขั้น บังคับคดี ขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้มืออาชีพอย่างผม ได้เป็นที่ปรึกษา เพื่อแก้ไข ปัญหาหนี้ ของคุณ ปัญหาหนี้ของ ธุรกิจ บริษัท กิจการของคุณ ให้รอด และสามารถกลับมาตั้งต้น ทำธุรกิจ ให้เติบโต มันคง ได้ต่อไปนะครับ

———————————————————

สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ

https://www.youtube.com/channel/UCcADQXY_tZ4vHBfWCK0lTSw/join

สนใจให้ผมเป็นที่ปรึกษาการเงิน สินเชื่อธุรกิจ แก้หนี้ เป็นการส่วนตัว

คลิกเลยครับ https://bit.ly/3lcHLXe

หรือ ที่ปรึกษาการเงิน แบบผู้ประกอบการ SME คลิกเลยครับ https://bit.ly/38DOx3j

ติดต่อ ผมที่ LineID : @antonio / 065 626 4545

หรือ email : antonioattorney@gmail.com

และติดตามผมต่อได้ที่ https://www.facebook.com/AntonioAttorney.Company/

และที่ https://antonioattorney.com/

Leave a Reply