เมื่อผมเป็นทาสสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟที่คนโง่เขากินกัน

ชาเขียว แก้วเล็ก สตาร์บัคส์

20180629_002459876165418.jpg

ผมว่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับ Starbucks มานานมากละ แต่พอจะเริ่มเขียนทีไร มันขี้เกียจ และไม่รู้จะมีหัวข้ออะไรเขียน จนกระทั่ง เมื่อเวลาผ่านมาประมาณ 1 ปีที่แล้วมานี้เอง ผมเริ่มมอง และมีทัศนคติที่เป็นบวก กับร้านกาแฟ ยี่ห้อดังร้านนี้ไปละ จากที่อดีตผมมีทัศนคติที่ติดลบ ทำไมเหรอ เพราะคนส่วนใหญ่บอกว่า คนจะกินกาแฟ Starbucks ได้ต้องโง่ กาแฟบ้าไร แก้วละเป็นร้อยๆ กินแล้วเท่ห์ และต้องโง่ด้วย เออ ก่อนหน้านี้ผมก็เห็นคล้อยตามไปด้วยนะ

ชาเขียว แก้วเล็ก สตาร์บัคส์
ชาเขียวร้อนแก้วเล็ก Tall size

แต่หากเป็นแต่ก่อนนี้ ผมนี่ไม่ชอบร้านสตาร์บัคส์เอาซะเลย ทั้งๆ ที่นักการตลาด เหล่ากูรูทั้งหลายบอกว่า ร้านกาฟ Starbucks ไม่ได้ขายแค่กาแฟ แต่ขาย ประสบการณ์ Experience Marketing ใช่ครับ ผมได้รับประสบการณ์แย่ๆ จากพนักงานของ สตาร์บัคส์มาก่อน เริ่มจากที่ร้านกาแฟนี้เปิดในประเทศไทยใหม่ๆ น่าจะช่วงปี 2541 หลัง วิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้งนะ ผมเองก็อยากจะลอง อยากจะเท่ห์กับเขาบ้าง สารภาพกันจริงๆ เลยว่า สั่งไม่เป็น สมัยก่อน ก็รู้แต่แค่ กาแฟเย็น กาแฟร้อน กาแฟดำใส่นมข้น ยกล้อ โอเลี้ยง ก็จะประมาณนี้

เมื่อแรกในการกินกาแฟร้านเท่ห์ การไปสั่งกาแฟเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก การที่เรายืนต่อแถวเพื่อสั่งกาแฟ…..เอาแล้วซิ แถวมันสั้นเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว จนมาถึงคิวที่ผมต้องสั่ง อย่างที่บอก สั่งไม่เป็น ก็ยืนเลือกอยู่นาน ส่วนไอ้พนักงานก็อวดภูมิ ใส่คำศัพท์กาแฟ ใส่ผมซะแบบจัดเต็ม มันกะเอาเราตายแน่ จนผมอึ้งอยู่ที่หน้าเคาเตอร์ สุดท้ายสรุปสั่งได้ละ ที่นี้มาถามขนาดแก้วกับผม เล็ก กลาง ใหญ่ ผมก็สั่ง แก้วเล็ก พนักงานมันก็บอกว่า ขนาด Tall นะ เราก็ย้ำว่า แก้วเล็กนะ มันก็ Tall จนกระทั่งเริ่มโต้เถียงกัน สุดท้ายผมก็โดนกดดันจากไอ้คนข้างหลัง ที่รอต่อคิวสั่งกาแฟอยู่ ผมเลยพูดประโยคทิ้งท้ายไปว่า ” กูไม่ใช่พนักงานชงกาแฟนี่หว่า จะได้รู้เรื่อง วันๆ อยู่แต่กับกาแฟ “

20180628_1415232139429975.jpg

ก็แม่งบ้าไง แก้วเล็ก เสือกเรียก Tall แก้วกลาง เรียก Grande แก้วใหญ่เรียก Venti ภาษาอังกฤษ ภาษาอิตาลี มั่วกันไปหมด สรุปในช่วงแรก ผมมีประสบการณ์แย่ๆ กับ ร้านกาแฟสตาร์บัคส์จริงๆ

จนผมเลิกกินไปนานมาก นานๆที ถึงจะเข้าไปนั่งกิน จนช่วงหลัง ผมเริ่มทำงานแบบสมัยนิยมมากขึ้น การทำงานที่ไม่ต้องมีออฟฟิศ มีแค่โทรศัพท์มือถือ และโน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง นั่งทำงานตามร้านกาแฟไปเรื่อย ผมอะอยากเป็นไง ที่เขาเรียกกันว่า Digital Nomad อะ จนเมื่อปีที่แล้ว สมัครทำบัตร Sturbucks เอาเงินใส่ในบัตร แล้วเวลากินก็เอาบัตรมาตัดยอดเงินเอา กินไปกินมา จากบัตรธรรมดา ตอนนี้ผมเป็นบัตรทองแล้วนะครับ

smartselectimage_2018-06-29-00-24-20459808680.png

เมื่อคุณได้บัตรทองมาครอบครองแล้วละก็ คุณต้องกินกาแฟ Starbucks 250 แก้ว ภายใน 1 ปี คุณถึงจะรักษา สถานภาพบัตรทองของคุณไว้ได้ ลองคำนวณเล่นๆ นะ สมมติ กินแก้วเล็ก 120 บาท จำนวน 250 แก้ว เป็นเงิน 30,000 บาท ที่คุณจะต้องกินกาแฟภายใน 1 ปี แม่งโคตรบ้าเลยนะ สำหรับใครที่จะรักษาสถานะบัตรทอง Gold Level ของ Starbucks ผมยังไม่รู้เลยว่า ปีหน้า ผมคงร่วงจาก Gold Level แน่ๆ 

20180628_174631702445206.jpg

แต่สุดท้าย ผมก็ต้องมาตกเป็นทาสของ สตาร์บัคส์ จนได้ ทั้งๆ ที่ใจตอนแรกผมฝังใจเลยว่า พนักงานแม่งดูถูกลูกค้า เพราะช่วงหลัง ผมว่าพนักงานเปลี่ยนไป น่ารัก บริการดี แล้วไอ้ลักษณะท่าทางแบบดูถูกลูกค้าประมาณว่า นี่มึงสั่งกินเป็นไหม อะไรแบบนี้…..ไม่มีอีกแล้ว มีแต่บริการดี สุภาพ เอาเป็นว่าดีละกัน ยิ่งมาช่วงหลังที่ผมต้องใช้สถานที่ ร้านกาแฟ Starbucks ทำงานมากขึ้น ทั้งนั่งทำงาน นัดคุยงานกับลูกค้า มันลงตัว ไปตามห้างฯ ที่ไหนก็มี นั่งสบาย ได้บรรยากาศจริงๆ

เคยไปนั่งสตาร์บัคส์ สาขา พาซิโอ กาญจนาภิเษก ตอนดึกๆ สาขานี้เปิด 24 ชั่วโมง วัยรุ่นนั่งกันเต็มร้าน มาอ่านหนังสือติวข้อสอบ หอบที่นอน หมอนมุ้ง ชุดเสื้อกันหนาว มาปักหลักกันในร้านเลย ผมก็ไม่เห็นว่า จะมีท่าทีพนักงานจะแสดงอาการไม่พอใจ หรือ พยายามกดดันให้ลูกค้าที่นั่งนานๆ กลับบ้านไปซะที ไม่เหมือนบางร้านนะ ติดป้ายเลย สงวนที่นั่งไว้ให้กับลูกค้า ประมาณว่าไม่สะดวกสำหรับการติวหนังสือ หรือมานั่งหาลูกทีมงานขายตรง อะไรประมาณนี้ ผมชอบความใจกว้างของ สตาร์บัคส์นะ สังเกตุซิครับ น้ำตาล ไซรัป กระดาษทิชชู่ หยิบกันได้ ตามใจชอบเลย จุดที่หยิบก็ไม่ได้ใกล้จุดพนักงานมากนัก ประมาณว่า หลบสายตาผู้คนได้พอสมควร ผมเองยอมรับเลยว่า สมัยก่อน หยิบกลับบ้านติดมือมาเยอะ ทั้งน้ำตาล และกระดาษทิชชู แต่สุดท้ายเมื่อผมเป็นทาส Starbucks ช่วงหลังหยิบมาแค่พอใช้ แต่ผมชอบน้ำตาลของที่นี่มากนะ เอามาชงกับกาแฟที่บ้านนี้ โคตรหอม จริงๆ นะ ไม่เหมือน น้ำตาลทั่วไป

smartselectimage_2018-06-29-18-24-561532055037.png

ผมชอบความใจกว้างของ Starbucks นะ มีคนเคยบ่น เรื่องประมาณว่า มีลูกค้าบ่นว่า ทำไม ไม่มีมาตรการ บีบ หรือ ไล่ ลูกค้า ที่กินกาแฟแค่แก้วเดียว คนละแก้ว แล้วนั่งกันนานๆ ทำให้ลูกค้าคนอื่นไม่มีที่นั่ง ผู้บริหาร สตาร์บัคส์ ตอบว่า แนวทางการแก้ปัญหาของบริษัทคือ เมื่อรู้ว่า ร้านทำเลนั้น มีคนมาใช้บริการเยอะ ก็เปิดเพิ่มมันอีกสักสาขาไปเลย ใกล้ๆ กันแถวๆนั้นละ…..เออ ก็จริงนะ แนวคิดนี้ เอาใจผมไปเลย เอาใจลูกค้าซะจริงๆ พ่อคุณ

แต่ล่าสุด ได้ข่าวว่า Starbucks จะปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร เป็น 100 สาขา เลยนิ แต่ไม่รู้ ใช่เมืองไทยรึเปล่า ไม่งั้นผม ก็คงหาสาขาไม่ง่ายแบบนี้ แล้วทำให้อดหยิบน้ำตาล และทิชชู่กลับบ้านละทีนี้

 

 

2 thoughts on “เมื่อผมเป็นทาสสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟที่คนโง่เขากินกัน

  1. คิดว่าอ่านจบแล้ว ผู้บริหารคงสั่งเอาน้ำตาลซองมาลงเพิ่ม

Leave a Reply